.

.

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โฮมเมดโยเกิร์ต ทำเองได้ไม่มีน้ำตาลให้กวนใจ


โฮมเมดโยเกิร์ต ทำเองได้ไม่มีน้ำตาลให้กวนใจ
โยเกิร์ตมีประโยชน์มากมาย และเป็นเมนูทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนัก โยเกิร์ตยังเป็นอาหารคุณภาพเยี่ยมที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง มีโปรตีน วิตามินบี 2 และบี 12 ที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดและบำรุงระบบประสาท
แต่โยเกิร์ตตามร้านมักมีปริมาณน้ำตาลเป็นหนามทิ่มแทงใจใครหลายคน วันนี้เรามีทางแก้ค่ะ ลองทำโยเกิร์ตโฮมเมดเองดูสิคะ เอ้ย!!! ยากไปไหม?? จะบอกเลยค่ะว่าไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ อุปกรณ์ก็สามารถซื้อได้ทั่วไปตามซูปเปอร์ชั้นนำและตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอร์ รี่ค่ะ แถมสามารถเติมความหวานกำลังดีและวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพอีกด้วย หลังจากได้โยเกิร์ตมายังเอามาทำเมนูอื่นๆได้อีก จะเติมผลไม้สด หรือทานคู่กับสลัดก็อร่อยค่ะ
ขอบพระคุณสูตรจากคุณ Int Saw Rmutt และ พี่ดา ค่ะ
วันนี้ไปขอสูตรจากรุ่นพี่ที่ลดน้ำหนักด้วยกัน เห็นว่ามันประหยัดดีค่ะ แถมภูมิใจได้ทำกินเอง แล้วมันก็เก็บเป็นหัวเชื้อในการทำครั้งต่อไปได้ด้วย (ถ้าทำโยเกิร์ตกินเอง จนรสอร่อย เนื้อสวยแล้ว เก่งแล้วน่ะค่ะ อิอิ)

ส่วนผสมสำหรับโยเกิร์ตประมาณ 500 ml.

  • นมสดพาสเจอร์ไรส์ หรือนม UHT เป็นแบบธรรมดา หรือพร่องไขมันก็ได้ 425 g. หรือ 2 ถ้วยตวง
  • นมผงแบบนมผงธรรมดาหรือนมผงขาดมันเนย 75 g. หรือ 5 ช้อนโต๊ะ
  • โยเกิร์ตถ้วยรสธรรมชาติ 75 g. หรือครึ่งถ้วยโยเกิร์ต
วิธีการทำ
  •  ตุ๋นนมในหม้อตุ๋น หรือใช้หม้อสองใบซ้อนกัน ใบนอกใส่น้ำต้มให้น้ำเดือดและใบในใส่นม (เพื่อไม่ให้นมไหม้)
  •  พอนมเริ่มอุ่น ละลายนมผงลงในน้ำนม
  • ให้ความร้อนกับน้ำนมที่อุณหภูมิ 95C เป็นเวลา 5 นาที ถ้าไม่มีที่สัดอุณหภูมิให้ดูลักษณะของน้ำนมที่ร้อนจนคล้ายนมใกล้เดือดแล้วจับเวลา
  • ยกลง ลดความร้อนของน้ำนมลงโดยใช้น้ำเย็นไหลผ่านด้านนอกของภาชนะที่ใช้ต้มนม หรือแช่ในน้ำแข็ง จนอุณหภูมิของนมอยู่ที่ประมาณ 45C หรืออุ่นพอที่จะทนได้เมื่อทดสอบโดยการหยดนมลงบนหลังมือ
  • เติมโยเกิร์ตรสธรรมชาติลงไปในน้ำนม คนเบา ๆ ให้เข้ากัน
  •  ปิดฝา บ่มทิ้งไว้ที่อุณหภูมิ 43C เป็นเวลา 4-6 ชม. ถ้าไม่มีตู้บ่มสามารถใช้กล่องโฟมหรือกล่องที่สามารถเก็บความร้อนได้ใส่น้ำนม นั้นและบ่มเป็นเวลาประมาณ 6-8 ชม. หรือบ่มไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 8-10 ชม. จนกว่าจะได้เนื้อโยเกิร์ตที่เปรี้ยมตามที่ต้องการ

เคล็ดลับในการทำโยเกิร์ต

ถ้าทำโยเกิร์ตเอง แล้วเจอเนื้อโยเกิร์ตเหลว ไม่เหมือนที่ซื้อทาน ซึ่งสาเหตุและวิธีการป้องกันเรียงตามขั้นตอนการผลิตมีดังนี้

1. การต้มน้ำนม

1.1 ต้องไม่ต้มให้นมเดือด ใช้อุณหภูมิสูงสุดเพียง 95C ถ้าต้มจนนมเดือด จะมีนมบางส่วนที่ไหม้และทำให้เกิดกลิ่นนมไหม้ทำให้ไม่หอม
1.2 ถ้าให้ความร้อนกับนมไม่เพียงพอและไม่นานพอ (ไม่ถึง 90-95C เป็นเวลา 5 นาที) เนื้อโยเกิร์ตที่ได้จะเหลว มีน้ำใส ๆ แยกออกมา เพราะความร้อนนี้จะช่วยให้ Whey Protein ที่มีอยู่ในน้ำนมถูกทำลาย
** Whey Protein สร้างโครงสร้างที่เป็นเจลหุ้มน้ำ ทำหน้าที่เหมือนเป็นสารให้ความคงตัวตามธรรมชาติ ทำให้โยเกิร์ตเนื้อเนียนไม่มีน้ำแยกออกมา นอกจากนี้การให้ความร้อนยังช่วยไล่อากาศในน้ำนม เกิดสภาวะที่เหมาะสมกับการเจริญของจุลินทรย์โยเกิร์ต และช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อโรคและจุลินทรีย์ในน้ำนมที่จะมาเจริญแข็ง กับจุลินทรีย์โยเกิร์ตด้วย

2. ขั้นตอนการเติมเชื้อโยเกิร์ต

2.1 เลือกใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ยี่ห้อที่ใช้แล้วพบว่าได้โยเกิร์ตเนื้อดีกว่าเพื่อนคือ “ยี่ห้อโฟร์โมสต์” (ไม่ได้โฆษณานะคะ) ถ้าต้องการเชื้อโปรไบโอติกด้วยก็เลือกใช้ยี่ห้อที่มีส่วนผสมของเชื้อโปรไบโอ ติกด้วยก็ได้
2.2 เชื้อจุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิต ดังนั้นถ้าให้เวลาเชื้อปรับตัวจะทำให้ได้โยเกิร์ตไวขึ้น เราทำให้เชื้อปรับตัวได้โดยเอาโยเกิร์ตที่ซื้อมาเป็นหัวเชื้อมาทำโยเกิร์ต ก่อน 1 ครั้งแล้วเอาโยเกิร์ตที่เราทำครั้งแรกมาใช้เป็นหัวเชื้อทันทีโดยไม่แช่เย็น เก็บไว้ หรือเอาหัวเชื้อโยเกิร์ตที่เราซื้อมามาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องหรือในน้ำอุ่น เป็นเวลา 3-4 ชม.ก่อนนำมาเติมในน้ำนมก็จะช่วยได้เช่นกัน

3. ระหว่างการบ่ม

3.1 อุณหภูมิและเวลา ถ้าเราบ่มที่อุณหภูมิต่ำเช่นอุณหภูมิห้อง ก็ต้องใช้เวลานานกว่าการบ่มที่อุณหภูมิสูง
3.2 ระหว่างการบ่มอย่าไปขยับ เขย่า คน หรือเอียงถ้วยดู เพราะโยเกิร์ตจะได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้โครงสร้างเจลในตัวโยเกิร์ตถูกทำลาย และมีน้ำใสแยกออกมา เนื้อก็จะเหลว
(**ถ้าต้องการทดสอบดูว่าโยเกิร์ตแข็งพอแล้วหรือเปรี้ยวพอแล้วหรือไม่ ให้ทดสอบช่วงที่ใกล้จะบ่มเสร็จ เช่น ถ้าบ่มที่อุณหภูมิ 43C ก็เช็คดูประมาณชั่วโมงที่ 4 /ถ้าบ่มที่อุณหภูมิห้องก็เช็คดูที่ชั่วโมงที่ 8 ตามสูตรนั่นเอง)

4. สูตรที่ใช่ (จากการทดลองทำ)

4.1 สูตรที่ให้ เป็นสูตรที่ให้เติมนมผงลงไปในน้ำนมอีก เพื่อให้ได้นมที่มีความข้นสูง จะได้โยเกิร์ตที่มีเนื้อแน่นและหนักกว่า แต่นมธรรมดาก็นำมาทำโยเกิร์ตได้โดยไม่ต้องเติมนมผง เช่นกัน
4.2 เน้นที่ความอร่อย แนะนำให้ใช้นมที่มีไขมันธรรมดา หรือถ้าไม่กลัวอ้วนจะเติมครีมลงไปอีกนิดหน่อยก็ได้ ถ้าโยเกิร์ตมีไขมันมากจะมีเนื้อเนียน หอมอร่อย ตามที่เคยทดสอบมาแล้วน่ะค่ะ

Credit: คุณ Int Saw Rmutt และ พี่ดา   http://www.lovefitt.com/diet-menu/%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88/

1 ความคิดเห็น:

  1. ขออนุญาติแนะนำสินค้าค่ะ
    ครีมทริปเปิ้ลทรี มีส่วนผสมของสมุนไพร ครีมลดสิว ลดฝ้า กระจุดด่างดำ ลดริ้วรอย ครีมบำรุงผิวหน้า
    ยาหม่องธัญพัฒน์ ยาหม่องคลายเส้น ครีมคลายเส้น บรรเทาทุกอาการปวด
    ไลยา โทนเนอร์ Laiyar ไลยา โทนเนอร์ โลชั่น คอดำ หัวเข่าดำ ข้อศอก ตาตุ่ม คอดำ รักแร้ดำ รอยดำตามจุดต่างๆ หมดปัญหาเพียงแค่เช็ด

    ตอบลบ

 

วิธีการใช้เครื่องทำโยเกิรต์

วิธีการใช้งาน
ดูตัวอย่างสิ้นค้าตกแต่งบ้าน

เครื่องทำ Smoothie

วิธีการใช้งาน ดูตัวอย่างสิ้นค้าบำรุงสุขภาพ

ติดต่อเราได้ที่ Lazada.co.th


 
Blogger Templates