.

.

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โฮมเมดโยเกิร์ต ทำเองได้ไม่มีน้ำตาลให้กวนใจ


โฮมเมดโยเกิร์ต ทำเองได้ไม่มีน้ำตาลให้กวนใจ
โยเกิร์ตมีประโยชน์มากมาย และเป็นเมนูทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนัก โยเกิร์ตยังเป็นอาหารคุณภาพเยี่ยมที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง มีโปรตีน วิตามินบี 2 และบี 12 ที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดและบำรุงระบบประสาท
แต่โยเกิร์ตตามร้านมักมีปริมาณน้ำตาลเป็นหนามทิ่มแทงใจใครหลายคน วันนี้เรามีทางแก้ค่ะ ลองทำโยเกิร์ตโฮมเมดเองดูสิคะ เอ้ย!!! ยากไปไหม?? จะบอกเลยค่ะว่าไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ อุปกรณ์ก็สามารถซื้อได้ทั่วไปตามซูปเปอร์ชั้นนำและตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอร์ รี่ค่ะ แถมสามารถเติมความหวานกำลังดีและวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพอีกด้วย หลังจากได้โยเกิร์ตมายังเอามาทำเมนูอื่นๆได้อีก จะเติมผลไม้สด หรือทานคู่กับสลัดก็อร่อยค่ะ
ขอบพระคุณสูตรจากคุณ Int Saw Rmutt และ พี่ดา ค่ะ
วันนี้ไปขอสูตรจากรุ่นพี่ที่ลดน้ำหนักด้วยกัน เห็นว่ามันประหยัดดีค่ะ แถมภูมิใจได้ทำกินเอง แล้วมันก็เก็บเป็นหัวเชื้อในการทำครั้งต่อไปได้ด้วย (ถ้าทำโยเกิร์ตกินเอง จนรสอร่อย เนื้อสวยแล้ว เก่งแล้วน่ะค่ะ อิอิ)

ส่วนผสมสำหรับโยเกิร์ตประมาณ 500 ml.

  • นมสดพาสเจอร์ไรส์ หรือนม UHT เป็นแบบธรรมดา หรือพร่องไขมันก็ได้ 425 g. หรือ 2 ถ้วยตวง
  • นมผงแบบนมผงธรรมดาหรือนมผงขาดมันเนย 75 g. หรือ 5 ช้อนโต๊ะ
  • โยเกิร์ตถ้วยรสธรรมชาติ 75 g. หรือครึ่งถ้วยโยเกิร์ต
วิธีการทำ
  •  ตุ๋นนมในหม้อตุ๋น หรือใช้หม้อสองใบซ้อนกัน ใบนอกใส่น้ำต้มให้น้ำเดือดและใบในใส่นม (เพื่อไม่ให้นมไหม้)
  •  พอนมเริ่มอุ่น ละลายนมผงลงในน้ำนม
  • ให้ความร้อนกับน้ำนมที่อุณหภูมิ 95C เป็นเวลา 5 นาที ถ้าไม่มีที่สัดอุณหภูมิให้ดูลักษณะของน้ำนมที่ร้อนจนคล้ายนมใกล้เดือดแล้วจับเวลา
  • ยกลง ลดความร้อนของน้ำนมลงโดยใช้น้ำเย็นไหลผ่านด้านนอกของภาชนะที่ใช้ต้มนม หรือแช่ในน้ำแข็ง จนอุณหภูมิของนมอยู่ที่ประมาณ 45C หรืออุ่นพอที่จะทนได้เมื่อทดสอบโดยการหยดนมลงบนหลังมือ
  • เติมโยเกิร์ตรสธรรมชาติลงไปในน้ำนม คนเบา ๆ ให้เข้ากัน
  •  ปิดฝา บ่มทิ้งไว้ที่อุณหภูมิ 43C เป็นเวลา 4-6 ชม. ถ้าไม่มีตู้บ่มสามารถใช้กล่องโฟมหรือกล่องที่สามารถเก็บความร้อนได้ใส่น้ำนม นั้นและบ่มเป็นเวลาประมาณ 6-8 ชม. หรือบ่มไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 8-10 ชม. จนกว่าจะได้เนื้อโยเกิร์ตที่เปรี้ยมตามที่ต้องการ

เคล็ดลับในการทำโยเกิร์ต

ถ้าทำโยเกิร์ตเอง แล้วเจอเนื้อโยเกิร์ตเหลว ไม่เหมือนที่ซื้อทาน ซึ่งสาเหตุและวิธีการป้องกันเรียงตามขั้นตอนการผลิตมีดังนี้

1. การต้มน้ำนม

1.1 ต้องไม่ต้มให้นมเดือด ใช้อุณหภูมิสูงสุดเพียง 95C ถ้าต้มจนนมเดือด จะมีนมบางส่วนที่ไหม้และทำให้เกิดกลิ่นนมไหม้ทำให้ไม่หอม
1.2 ถ้าให้ความร้อนกับนมไม่เพียงพอและไม่นานพอ (ไม่ถึง 90-95C เป็นเวลา 5 นาที) เนื้อโยเกิร์ตที่ได้จะเหลว มีน้ำใส ๆ แยกออกมา เพราะความร้อนนี้จะช่วยให้ Whey Protein ที่มีอยู่ในน้ำนมถูกทำลาย
** Whey Protein สร้างโครงสร้างที่เป็นเจลหุ้มน้ำ ทำหน้าที่เหมือนเป็นสารให้ความคงตัวตามธรรมชาติ ทำให้โยเกิร์ตเนื้อเนียนไม่มีน้ำแยกออกมา นอกจากนี้การให้ความร้อนยังช่วยไล่อากาศในน้ำนม เกิดสภาวะที่เหมาะสมกับการเจริญของจุลินทรย์โยเกิร์ต และช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อโรคและจุลินทรีย์ในน้ำนมที่จะมาเจริญแข็ง กับจุลินทรีย์โยเกิร์ตด้วย

2. ขั้นตอนการเติมเชื้อโยเกิร์ต

2.1 เลือกใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ยี่ห้อที่ใช้แล้วพบว่าได้โยเกิร์ตเนื้อดีกว่าเพื่อนคือ “ยี่ห้อโฟร์โมสต์” (ไม่ได้โฆษณานะคะ) ถ้าต้องการเชื้อโปรไบโอติกด้วยก็เลือกใช้ยี่ห้อที่มีส่วนผสมของเชื้อโปรไบโอ ติกด้วยก็ได้
2.2 เชื้อจุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิต ดังนั้นถ้าให้เวลาเชื้อปรับตัวจะทำให้ได้โยเกิร์ตไวขึ้น เราทำให้เชื้อปรับตัวได้โดยเอาโยเกิร์ตที่ซื้อมาเป็นหัวเชื้อมาทำโยเกิร์ต ก่อน 1 ครั้งแล้วเอาโยเกิร์ตที่เราทำครั้งแรกมาใช้เป็นหัวเชื้อทันทีโดยไม่แช่เย็น เก็บไว้ หรือเอาหัวเชื้อโยเกิร์ตที่เราซื้อมามาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องหรือในน้ำอุ่น เป็นเวลา 3-4 ชม.ก่อนนำมาเติมในน้ำนมก็จะช่วยได้เช่นกัน

3. ระหว่างการบ่ม

3.1 อุณหภูมิและเวลา ถ้าเราบ่มที่อุณหภูมิต่ำเช่นอุณหภูมิห้อง ก็ต้องใช้เวลานานกว่าการบ่มที่อุณหภูมิสูง
3.2 ระหว่างการบ่มอย่าไปขยับ เขย่า คน หรือเอียงถ้วยดู เพราะโยเกิร์ตจะได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้โครงสร้างเจลในตัวโยเกิร์ตถูกทำลาย และมีน้ำใสแยกออกมา เนื้อก็จะเหลว
(**ถ้าต้องการทดสอบดูว่าโยเกิร์ตแข็งพอแล้วหรือเปรี้ยวพอแล้วหรือไม่ ให้ทดสอบช่วงที่ใกล้จะบ่มเสร็จ เช่น ถ้าบ่มที่อุณหภูมิ 43C ก็เช็คดูประมาณชั่วโมงที่ 4 /ถ้าบ่มที่อุณหภูมิห้องก็เช็คดูที่ชั่วโมงที่ 8 ตามสูตรนั่นเอง)

4. สูตรที่ใช่ (จากการทดลองทำ)

4.1 สูตรที่ให้ เป็นสูตรที่ให้เติมนมผงลงไปในน้ำนมอีก เพื่อให้ได้นมที่มีความข้นสูง จะได้โยเกิร์ตที่มีเนื้อแน่นและหนักกว่า แต่นมธรรมดาก็นำมาทำโยเกิร์ตได้โดยไม่ต้องเติมนมผง เช่นกัน
4.2 เน้นที่ความอร่อย แนะนำให้ใช้นมที่มีไขมันธรรมดา หรือถ้าไม่กลัวอ้วนจะเติมครีมลงไปอีกนิดหน่อยก็ได้ ถ้าโยเกิร์ตมีไขมันมากจะมีเนื้อเนียน หอมอร่อย ตามที่เคยทดสอบมาแล้วน่ะค่ะ

Credit: คุณ Int Saw Rmutt และ พี่ดา   http://www.lovefitt.com/diet-menu/%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95-%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%88/

ไอศกรีมกะทิสด

วันนี้ของดทำกับข้าวสักวัน เกรงว่าท่านจะเบื่อ ต้มผัด แกง ทอด
วันนี้ก็เลยจะมาทำของหวานให้ทานกันครับ
ไอศกรีมกะทิสด แบบไทยๆ ทำง่ายๆไม่ยุ่งยาก
ที่สำคัญไม่ต้องมีเครื่องปั่นไอศกรีมก็ทำได้..ง่ายมาก

มาดูกันครับว่าทำอย่างไรและใช้ส่วนผสมอะไรบ้าง
ส่วนผสมที่ต้องใช้ประกอบด้วย
 กะทิ1กล่องใหญ่,แป้งข้าวโพด,น้ำตาลทราย,
เกลือป่น,กลิ่นวนิลา ทั้งหมดมี 5 อย่างเท่านี้ครับ

คราวนี้เราก็มาดูวิธีการทำ
อันดับแรก เทกะทิลงไปในหม้อ (เหลือไว้ผสมแป้งหน่อยนึง)
ใส่น้ำตาลทรายลงไป 6 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา อย่าใส่มากจะเค็มครับ
คนให้เข้ากัน..พักไว้ก่อน
***************

ขั้นตอนต่อไป
นำแป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะผสมกับกะทิที่เหลือ คนให้เข้ากัน

เสร็จแล้วเทแป้งลงไปในหม้อ
เติมกลิ่นวนิลาเพิ่มความหอมลงไป 1 ช่อนชา
หากไม่ชอบไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ
คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน คนมันด้วยทัพพีนั่นแหละครับ
เสร็จแล้วยกขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ..เน้นว่าไฟอ่อนๆนะครับ
หมั่นคนไปเรื่อยๆ จนแป้งสุกข้นเป็นครีมขาวสวย
นี่ครับสุกแล้วจะได้เนื้อครีมลักษณะนี้
ยกลงตั้งทิ้งไว้ให้เย็น..แต่ถ้าหากต้องการให้เย็นไวๆ
ใช้วิธีนี้เลยครับ
นำน้ำแข็งใส่กะละมังใส่น้ำ ยกหม้อตั้ง
คนเดี๋ยวเดียวก็เย็นแล้วครับ
หลังจากเย็นได้ที่แล้วเราก็เทใส่กล่องพลาสติก
เนื้อไอศกรีมที่ได้ก่อนนำไปแช่ ขาวเนียนสวย
เสร็จจากขั้นตอนนี้ก็ปิดฝา แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซ ประมาณ 6 ชม.
หรือหากไม่รีบ แช่ทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะดีครับ
จะทานของอร่อยๆต้องใจเย็นๆ
**************
หลังจากวันแหละคืนที่เวียนหมุนผ่าน
เราก็นำออกมาจากตู้เย็น..ทำยังไงต่อ
นี่เลยครับใช้ช้อนส้อมขูด
ขูดให้เป็นชิ้นๆ เหมือนขูดหวานเย็นกินแบบนั้นแหละ
เสร็จแล้วก็นำไปปั่น

นี่ไงครับ เครื่องปั่นไอศครีมของผม
ใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ธรรมดานี่แหละครับ ปั่นได้สบายมาก
หลังจากขูดเนื้อไอศกรีมเสร็จ เราก็เทใส่ลงไปในโถปั่น
กด..ปั่นๆ..หยุด..ปั่น..สัก 2-3 ครั้ง ใช้ช้อนเกลี่ยให้ดี
สังเกตดูว่าเนื้อไอศกรีมละเอียดเนียนดีแล้วก็ใช้ได้ครับ
เสร็จแล้วก็เทใส่กล่องพลาสติก
ดูกันชัดๆอีกครั้งเนื้อไอศกรีมที่ปั่นแล้ว จะเนียน ขาว สวย หอม
ปิดฝานำไปแช่ช่องฟรีซเหมือนเดิม
แต่ว่าครั้งนี้ไม่ต้องแช่นานใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ก็นำออกมาทานได้แล้วครับ
หากชอบผลไม้อะไรก็ใส่เพิ่มได้ตามชอบ
จะทานเท่าไหนก็ตักมาเท่านั้นที่เหลือก็ปิดฝา
แช่ช่องฟรีซไว้อยากทานเมื่อไหร่ก็หยิบมาทานได้เลย

ว่าแล้วก็ตักแจกท่านผู้อ่านคนละถ้วยเลยดีกว่า
ถ้วยนี้แต่งหน้าด้วยลูกเกด เวลาจะทานให้ราดนมสดเพิ่มลงไป
จะทำให้รสชาติหวานมันยิ่งขึ้น
หากไม่ทานอย่าราดนมทิ้งไว้ มันจะละลายนะจะบอกให้
หรือชอบถั่วลิสงก็เพิ่มเข้าไปได้ครับ
ครับ.. ไอศกรีมกะทิสดวันนี้คิดว่าคงทำกันได้ไม่ยาก
วัตถุดิบก็หาซื้อได้ง่ายๆ แค่มีเครื่องปั่นน้ำผลไม้ก็ทำได้
ของหวานแบบไทยๆทำทานได้ในครัวเรือน
หากมีเวลาว่างช่วยกันทำคนละมือคนละไม้
สร้างบรรยากาศความอบอุ่นแก่ครอบครัวได้ดีทีเดียวครับ


 
โอเค...มีความสุขทุกๆท่าน...ทุกๆวัน...ครับผม


เครดิตจากเว็บไซต์ http://www.oknation.net/blog/yaya2508/2012/08/01/entry-1

รีวิว วิธีทำโฮมเมดโยเกิร์ตแบบทำเอง ง๊าย...ง่าย ค่ะ

รีวิว วิธีทำโฮมเมดโยเกิร์ตแบบทำเอง ง๊าย...ง่าย ค่ะ

กระทู้คำถาม
มีนมเหลืออีกแล้วค่ะ วันนี้นำเสนอโยเกิร์ตสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ เชิญรับชมเลยค่ะ
วัตถุดิบที่ใช้
1. นมจืด 1 ลิตร
2. โยเกิร์ต รสธรรมชาติสำหรับเป็นหัวเชื้อ 1 ถ้วย ยี่ห้ออะไรก็ได้
3. นมผง (ถ้ามี) เพื่อเพิ่มความกลมกล่อม แต่เราไม่มีเลยไม่ใส่



ขั้นตอนแสนง่ายค่ะ
1. นำนมจืดตั้งไฟพอร้อนแบบขึ้นฟองอย่าเดือดนะคะ คนด้วยก็ได้ค่ะ


2. นำกะละมังใส่น้ำเย็นหรือน้ำก๊อก นำหม้อนมที่ต้มมาวางเพื่อคลายความร้อน แอบมีผู้ให้กำลังใจมายืนมองค่ะเพราะหอมนม


3. นำนมหยดหลังมือพออุ่นๆ อย่าร้อนเกินและเย็นเกิน นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาเทใส่และใช้ช้อนคนให้เข้ากันดี หากมีนมผงให้ใส่ในขั้นตอนนี้เลยนะคะ คนให้ละลาย


4. หากมีโหลแก้วแบบปิดสนิทก็นำมาบรรจุ แต่เราใช้กล่องพลาสติกแบบมีฝาปิดค่ะ เทลงไปเลย


5. โยเกริตต้องทิ้งไว้ตั้งแต่ 6-9 ชั่วโมงค่ะถึงจะเป็นเนื้อโยเกิร์ตข้นๆ ยิ่งไว้นานก็ยิ่งเปรี้ยวแต่อย่าเกินกว่านี้นะคะ เก็บไว้ในที่มืดๆห้ามขยับและอุณภูมิอุ่นๆหรืออุณหภูมิห้อง

เราห่อผ้าและใส่ไว้ในลังโฟมค่ะเพื่อเก็บความอุ่นและมืด

6. 12 ชั่วโมงต่อมา อย่างงค่ะ พอดีเราติดธุระเลยทิ้งไว้นานไปหน่อย เวลาที่เหมาะสมคือ 6-9 ชม. นะคะ มาดูกันค่ะหน้าตาเป็นไง

แท่น แทน แท้นนนนน

7. มาดูเนื้อสัมผัส ของเราหากใครเคยกินเมจิ บัลแกเรีย รสธรรมชาติกล่องน้ำเงิน จะแบบนี้เป๊ะเลยค่ะ เปรี้ยวๆหากอยากให้หวานก็ผสมน้ำผึ้งหรือผลไม้นะคะ


จบการนำเสนอค่ะ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน ผิดตอนไหนขออภัยด้วยนะค้าปปปเพี้ยนกิน 
เครดิตจากเว็บไซต์ http://pantip.com/topic/32501745

[CR]ทำโยเกิร์ตกินเอง ง๊ายง่าย,,,, สไตล์ Bulgaria

[CR]ทำโยเกิร์ตกินเอง ง๊ายง่าย,,,, สไตล์ Bulgaria

กระทู้รีวิว
เกริ่น นิดนุง,,

ก่อนหน้านี้มีโอกาสให้ต้องหาสูตรและลองทำโยเกิร์ตเอง ทดลองทำจากสูตรที่หาได้เยอะแยะตาแปะขายท่อใน google

แต่วันนี้ ขอนำเสนอ สูตรใหม่ "Homemade Bulgaria Yogurt"

เนื่องจากช่วงนี้เห็นโฆษณาโยเกิร์ตหน้าตาดี เอ้ย น่ากินๆ ของ Meiji เลยนึกอยากเอามาเป็นหัวเชื้อทำโยเกิร์ตกินเอง คริคริ

ก่อนจะเริ่มทำมารีวิว Meiji Bulgaria Yogurt รสธรรมชาติ (สีน้ำเงิน) กันสักหน่อยดีกว่า



นี่คือหลังจากซื้อมาจากเซเว่น ก้เอามาเปิดดูเลย เนื้อโยเกิร์ตเซตตัวคล้ายพุดดิ้ง แต่ไม่แข็งเท่านะคะ ตักออกมาก้เป็นอย่างที่เห็น บนผิวหน้าโยเกิร์ตมีน้ำใสๆอยู่ด้วยนิดหน่อย ซึ่งข้างกล่องบอกว่า "ธรรมชาติของโยเกิร์ตชนิดคงตัวอาจมีน้ำใสบริเวณผิวหน้าจากเวย์โปรตีน สามารถรับประทานได้"
สบายใจได้ค่ะ อีกอย่างเวลาทำโยเกิร์ตกินเอง มักจะมีน้ำใสๆอมเหลืองอยู่บนผิวหน้าโยเกิร์ต แต่กินมาหลายครั้งก้ปกติดีค่ะ อิอิ

ว่าด้วยเรื่องรสชาติ.. อืมมมมม ไม่รู้สึกถึงความหวานเลย แต่รสเปรี้ยวกว่าโยเกิร์ตทั่วไปนิดหน่อยค่ะ รสชาติแอบเหมือนโยเกิร์ตทำเองครั้งก่อนๆ
ปราบปลื้มที่รสชาติโยเกิร์ตทำเอง เหมือนกับโยเกิร์ตที่ทำขายได้
สงสัยต่อไปทำขายได้สินะ ฮ่าาาา
(ข้างกล่องเขียนว่าไม่แต่งรส และสีใดๆ และให้พลังงานจากไขมัน 25 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่าน้อยมาก เพราะถ้าเทียบกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติทั่วไป จะอยู่ที่เกือบ 100 kcal แหนะ เพราะฉะนั้นตัวนี้เหมาะมากกับคนไอเอ็ท แต่ถ้าซื้อกินทุกวันคงจน เพราะถ้วยละ 20 แพงกว่าชาวบ้านเค้าตั้งเยอะ ><)

เริ่มทำกันเลยดีกว่า....

>>วัตถุดิบ<<

1. นมสด 830 มล.
(ในที่นี้ใช้ยี่ห้อเมจิ เคยใช้โฟร์โมร์ท อยากลองเปลี่ยนบ้าง เห็นว่าคราวนี้ใช้โยเกิร์ตของเมจิ เรยลองใช้นมเมจิด้วยดีกว่า...อันนี้ใช้แบบไขมันธรรมดา พอดีชอบความมันของโยเกิร์ตพอสมควร แต่ถ้าใคร diet ก้เปลี่ยนเป็นสูตร low fat ตามสบายค้าาา แต่เตือนนิดนึงว่าโยเกิร์ตที่ได้ อาจจะเหลวกว่าใช้นมธรรมดาหน่อยคะ อันนี้ได้ยินมา ยังไม่เคยลองทำกับนมโลว์แฟตเหมือนกัน)

2. โยเกิร์ต Meiji "Bulgaria" 110 มล. พระเอกของเรา
(อุส่าอ่านเจอว่าเซเว่นมีโปรฯ ซื้อ 2 ถ้วยได้แสตมป์ 9 ดวง รีบเลยจ้าาาา แต่ปรากฎว่า รสกลมกล่อมหมด เหลือแต่รสธรรมชาติ เรยได้มาถ้วยเดียว 20 บาท เซ็งเบย)

>>>>อุปกรณ์<<<<

1. หม้อ(เข้าไมโครเวฟได้)
(เนื่องจากอยู่หอ ใช้ไมโคเวฟจะสะดวกกว่า เลยต้องใช้หม้อแบบเวฟได้ แต่ถ้าใครสะดวกอยากใช้เตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า ก้ได้นะ เพราะเราจะใช้อุ่นนมให้ได้อุ่นภูมิซักหน่อย)

2. ช้อนคน
(จริงๆใช้แค่อันเดียวคะ เพราะใช้คนเฉยๆ แต่ พนง.เซเว่น คงคิดว่าโยเกร์ตหนึ่งถ้วย แบ่งกันกินทั้งหอ เรยให้ช้อนมาซะเยอะ ฮ่าาาาา ไม่เป็นไร เก็บไว้ตัดโยเกิร์ตกินได้ๆ)

3. ไมโครเวฟ


>> รอดูวิธีทำ กับ ผล กันต่อนะคะ ^^
ชื่อสินค้า:   Meiji Bulgaria
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว


เครดิตจากเว็บไซต์ : http://pantip.com/topic/30980430

รีวิว 10 สูตรทำไอศกรีมไม่ใช้เครื่อง เย็นฉ่ำรับซัมเมอร์แบบฟิน ๆ

สูตรทำไอศกรีม

          อากาศร้อนขนาดนี้ จะมีอะไรดีกว่ากินไอศกรีมเย็น ๆ สักถ้วยให้ชื่นใจ แต่ไม่อยากจะออกพ้นหน้าบ้าน วันนี้ กระปุกดอทคอมเลยนำสูตรการทำไอศกรีมง่าย ๆ แบบไม่ต้องใช้เครื่องมาฝากให้ทำกินเองกันที่บ้านเสียเลย 10 รสชาติ 10 แบบให้เลือกกันได้อย่างจุใจ พร้อมแล้วก็จดสูตรไปเลยจ้า




สูตรทำไอศกรีม

 1. ไอศกรีมชาเขียว

          เริ่มต้นความเย็นชุ่มฉ่ำกันด้วยไอศกรีมชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่นที่ใครจะไปรู้ว่า ไม่ต้องมีเครื่องทำไอศกรีมก็สามารถทำได้ด้วย ถึงแม้เนื้อจะไม่เนียนละเอียดแต่ก็ช่วยให้คลายร้อนได้เพลิน ๆ แถมยังโปะถั่วแดงกวนลงไปด้วย เพลินล่ะ (สูตรจาก คุณเนินน้ำ)
 สิ่งที่ต้องเตรียม

           นมข้นจืด 2 1/2 ถ้วย
          วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย
          ผงชาเขียวมัชฉะ 3 ช้อนโต๊ะ
          ไข่แดง 2 ฟอง
          น้ำตาลทรายละเอียด 1/2 ถ้วย
          เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          ถั่วแดงกวน (ตกแต่ง)
          สะระแหน่ (ตกแต่ง)
          เชอร์รีสำหรับแต่ง (ตกแต่ง)

วิธีทำ

สูตรทำไอศกรีม

           ผสมนมข้นจืดและวิปปิ้งครีมเข้าด้วยกันด้วยตะกร้อมือในอ่างผสม แล้วร่อนผงชาเขียวมัทฉะใส่ลงไปคนผสมอีกครั้งให้เข้ากันดี พักไว้

สูตรทำไอศกรีม

          ตีผสมไข่แดงจนข้นเป็นสีครีมนวล จึงค่อย ๆ ใส่น้ำตาลและเกลือลงไป พร้อมกับตีจนน้ำตาลทรายละลาย

สูตรทำไอศกรีม

          เทส่วนผสมลงในถาดก้นตื้นแล้วนำเข้าแช่แข็ง (เราใช้ตู้แช่แข็ง เพราะมีความเย็นมากพอที่จะทำให้เซ็ตตัวได้เร็ว) เมื่อไอศกรีมเริ่มจับตัวแข็งพอสมควรก็เอามาขูดด้วยส้อม จากนั้นก็เข้าแช่แข็งอีกทำแบบนี้สัก 3 ครั้งหรือมากกว่านั้น (ใส่กล่องที่มีฝาปิด) พอไอศกรีมแข็งแล้วก็ตักเป็นลูกกลม ๆ ใส่ถ้วย ท้อปด้วยถั่วแดง พร้อมเสิร์ฟ





สูตรทำไอศกรีม

2. ไอศกรีมวานิลลา

          ไอศกรีมรสชาติพื้นฐานที่ใคร ๆ ก็เคยกิน ถ้าอย่างนั้นก็ลองลงมือทำไอศกรีมรสวานิลลาแบบง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เครื่องเก็บติดไว้ในตู้เย็นสักหน่อยเอง พออากาศร้อนจัด ๆ ก็หยิบออกจากตู้ตักเข้าปากก็เย็นฉ่ำชื่นใจได้ทุกเวลาแล้ว

 ส่วนผสม

           ไข่ไก่ 2 ฟอง
          ไข่แดง 4 ฟอง
          น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          ฝักวานิลลา 1 ฝัก
          เฮฟวีครีม (Heavy Cream) 1 ถ้วย
          น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

อุปกรณ์

           หม้อสำหรับตุ๋น

          อ่างน้ำผสมน้ำแข็ง

วิธีทำ

           1. เตรียมหม้อสำหรับตุ๋น และอ่างน้ำผสมน้ำแข็ง เตรียมไว้

          2. ใส่ไข่ไก่ ไข่แดง น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือป่น และขูดเมล็ดวานิลลาลงในหม้อตุ๋น พร้อมฝักวานิลลา ตุ๋นนานประมาณ 10 นาที (หมั่นตีผสมบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้น) ตีจนส่วนผสมเริ่มเหนียวและเป็นฟอง (ถ้าจะให้ดี ใช้เทอร์โมมีเตอร์จุ่มลงไปวัดความร้อนประมาณ 160 องศาเซลเซียส) จากนั้นยกลงจากเตา วางลงในอ่างน้ำแข็งทันที แล้วตักเอาฝักวานิลลาออก พักไว้จนเย็น

          3. ตีเฮฟวี่ครีมจนขึ้นฟู ใส่น้ำตาลทราย  2 ช้อนโต๊ะ และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีผสมจนขึ้นฟูอีกครั้ง

          4. นำส่วนผสมคัสตาร์ดออกจากอ่างน้ำแข็ง แบ่งใส่วิปปิ้งครีมครั้งละ 1/3 ส่วน คนผสมให้เข้ากันจนหมด จากนั้นเทใส่พิมพ์ ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำเข้าแช่แข็งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟ





สูตรทำไอศกรีม
ภาพจาก Tips from a Typical Mom

3. เจลลีเกล็ดหิมะ

          หรือถ้าใครอยากได้ไอศกรีมแบบเนื้อหนึบหน่อย เนื้อไม่เนียบกริบ แต่ได้สัมผัสเหมือนน้ำแข็งใส่ก็ต้องนี่เลย เจลลี่เกล็ดหิมะที่มีส่วนผสมของเจลาติน ได้ทั้งความเย็นฉ่ำ เนื้อสัมผัสเหนียวหนึบ และรสชาติเปรี้ยวอมหวานแบบฟรุตตี (สูตรจาก จาก Tips from a Typical Mom)

สูตรทำไอศกรีม

 สิ่งที่ต้องเตรียม

           น้ำเดือด 1 ถ้วย
          สไปร์ท หรือโซดา 2 ถ้วย
          ผงเจลาตินสำเร็จรูปกลิ่นที่ชอบ (ขนาด 85-100 กรัม) จำนวน 4 กล่อง
          พิมพ์หรือถาดสี่เหลี่ยม (สำหรับใส่ไอศกรีม)

วิธีทำ

สูตรทำไอศกรีม

           1. ผสมผงเจลาตินสำเร็จรูปกับน้ำเดือดในถาดสี่เหลี่ยม คนผสมให้เข้ากันจนผงวุ้นละลาย

           2. จากนั้นเติมสไปร์ทหรือโซดาลงไปผสม คนให้เข้ากัน

           3. นำถาดส่วนผสมไปแช่แข็ง ทิ้งไว้อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน

           4. ก่อนเสิร์ฟให้ใช้ที่ตักไอศกรีม ค่อย ๆ ขูดเจลลี่เกล็ดหิมะออกแล้วตักเป็นก้อนกลม ๆ ใส่แก้วให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ





สูตรทำไอศกรีม

4. ไอศกรีมชาไทย

          ถ้าใครชอบกินชาเย็นหรือชาชักแบบเข้มข้นแต่รู้สึกว่ายังไม่ชื่นฉ่ำหัวใจพอ ต้องจับชาเย็นมาทำเป็นไอศกรีมชาเย็นแบบง่าย ๆ ตามสูตรที่เรานำมาฝากเลย ส่วนผสมแค่ 2 อย่าง แต่รับรองว่าเข้มข้น เด็ดโดนใจได้รสชาติแบบไทย ๆ ที่เราคุ้นเคย (สูตรจาก คุณอ้อมกอดของความเหงา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม)
 ส่วนผสม

           น้ำชาเย็น 1-1/2 ถ้วย
          วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย (หรือ Fresh Whipping Cream)

วิธีทำ

           1. ต้มผงชากับน้ำ น้ำตาลทราย และใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย (เพื่อคสวามกลมกล่อม)

          เคล็บลับ : ใครอยากได้สีเข้มหรือสีอ่อนแค่ไหนก็แล้วแต่จะใส่ผงชาลงไป มากหรือน้อยแค่ไหน แต่เราชอบสีเข้ม ๆหน่อยสวยดี

          2. ยกลงกรองเอากากชาออกพักให้เย็นแล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งให้พอเป็นเกล็ดน้ำแข็ง

สูตรทำไอศกรีม

          3. นำส่วนผสมออกจากช่องแช่แข็ง ใส่ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ตามด้วยวิปปิ้งครีม ปั่นจนเนียนแล้วเทใส่ลงในภาชนะ นำเข้าแช่แข็ง แล้วนำออกมาอีกครั้ง ปั่นประมาณ 2-3 รอบให้ได้เนื้อเนียน





สูตรทำไอศกรีม

5. ไอศกรีมอัญชัน

          ถ้าเดินไปเจอกับดอกอัญชันริมรั้วละแวกบ้านแนะนำให้เด็ดมาสัก 1 กำมือแล้วมาทำไอศกรีมอัญชันสีพาสเทลม่วงอมน้ำเงินอ่อน ๆ ได้ความเป็นไทย ที่เชื่อว่าหลายคนต้องยังไม่เคยลองแน่ ๆ แถมวิธีทำก็ง่าย ๆ แบบนี้ อย่ารอช้าค่ะ คั้นน้ำอัญชันเตรียมไว้เลย (สูตรจาก คุณอ้อมกอดของความเหงา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม)

 ส่วนผสม

           ดอกอัญชันสดหรือแห้ง
          น้ำ
          น้ำตาลทราย (ตามชอบ)
          เกลือ เล็กน้อย
          วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย (สามารถเพิ่มวิปปิ้งครีมได้ จะได้เนื้อไอศกรีมที่มีความเข้มข้นขึ้นไปอีก)

วิธีทำ

           1. ต้มดอกอัญชันกับน้ำจนเดือด ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป รอจนเดือดอีกครั้ง (ชิมรสให้ออกหวานนิดนึงและสีเข้มมากน้อยก็ตามใจเลยค่ะ) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นกรองเอาเฉพาะน้ำ เทใส่ภาชนะ จากนั้นนำเข้าช่องแช่แข็งให้เริ่มจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง

          2. นำเกล็ดน้ำแข็งอัญชันและวิปปิ้งครีมอย่างละ 1 ถ้วยใส่เครื่องปั่น ปั่นให้เข้ากัน (ใช้อัตราส่วน 1 : 1 หรือใครจะใส่วิปปิ้งครีมเพิ่มเพื่อให้เนื้อเนียนและเข้มข้นก็ได้)

          3. เทส่วนผสมที่ปั่นแล้วใส่กล่องแล้วนำเข้าแช่แข็งจนเริ่มเป็นเกล็ดน้ำแข็ง จากนั้นนำออกมาปั่นอีกครั้ง เทใส่ภาชนะแล้วนำไปแช่จนถึงเวลารับประทาน

สูตรทำไอศกรีม

          เคล็ดลับ : ถ้า อยากตักไอศกรีมแล้วละลายช้าและเป็นลูกสวย ให้นำที่จะตักไอศกรีมและถ้วยสำหรับใส่ไอศกรีมไปแช่ในช่องแข็ง และถ้าเป็นพวกถ้วยกระเบื้องหรือแก้วจะเก็บความเย็นดีมาก ไอศกรีมจะละลายช้า)








สูตรทำไอศกรีม

6. ไอศกรีมแท่งชาเขียวถั่วแดง

          ลองมาดูทางฝั่งของไอศกรีมแท่งแบบง่าย ๆ กันบ้าง ลดสเกลความยากลงมาหน่อย เปิดประเดิมด้วยไอศกรีมแท่งชาเขียวเนื้อเข้มข้นหวานมัน แถมยังแอบซ่อนถั่วแดงกวนเอาไว้ด้านล่าง ได้อารมณ์เหมือนญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่สำคัญทำง่าย ๆ รีบไปขุดเอาพิมพ์ไอศกรีมแท่งมาล้างรอไว้ได้เลย (สูตรจาก เฟซบุ๊ก Rin Silpachai)

 ส่วนผสม
           ผงชาเขียวมัทฉะ 4 ช้อนโต๊ะ
          น้ำร้อน 3-4 ช้อนโต๊ะ
          น้ำตาลทราย (หรือน้ำตาลทรายแดง,น้ำผึ้ง) 3 ช้อนโต๊ะ
          นมข้นหวาน 5 ช้อนโต๊ะ
          เฮฟวี่ครีม (หรือนมสด,นมถั่วเหลือง) 350 มิลลิลิตร (ประมาณ 1 1/2 ถ้วย)
          ถั่วแดงญี่ปุ่นชนิดหวาน 1/3 ถ้วย
          พิมพ์ไอศกรีมแท่ง
          ไม้ไอศกรีม (แช่น้ำทิ้งไว้ 15 นาที)

วิธีทำ

           1. ใส่ผงชาเขียวลงในถ้วยผสม (ถ้วยที่มีปากเพื่อเทลงพิมพ์ได้ง่ายขึ้น) ตามด้วยน้ำร้อน คนผสมให้ผงชาเขียวละลายจนไม่เป็นเม็ด

          2. เติมน้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย

          3. เติมนมข้นหวานลงไป คนผสมให้เข้ากัน

          4. เติมเฮฟวี่ครีมลงไป คนผสมให้เข้ากัน

          5. เทส่วนผสมลงพิมพ์ไอศกรีมจนเกือบเต็ม นำเข้าแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมง

          6. พอไอศกรีมแข็งแล้วนำไอศกรีมออกจากช่องแข็ง ตักถั่วแดงใส่แล้วเสียบไม้ไอศกรีมลงไป นำไปแช่แข็งอีกครั้งประมาณ 5 ชั่วโมง แกะออกจากพิมพ์ (ถ้าแกะไม่ออกให้นำพิมพ์ไปผ่านน้ำอุ่นแล้วค่อย ๆ ดึงออก) พร้อมเสิร์ฟ







สูตรทำไอศกรีม

7. ไอศกรีมแท่งผลไม้สด

          ส่วนสาว ๆ ที่ไม่อยากกินไอศกรีมที่มีส่วนผสมของไขมันนมเนยให้ระคายหุ่นก็ต้องเจอนี่ ไอศกรีมแท่งผลไม้สด ตอบโจทย์ทั้งความสดชื่น ดับร้อน อร่อย ได้ประโยชน์ และที่สำคัญคือ แคลอรีต่ำมาก ๆ กัดคำเดียวเปรี้ยวจี๊ดถึงใจ (สูตรจาก คุณ MMW สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม)

สูตรทำไอศกรีม

 สิ่งที่ต้องเตรียม

           น้ำผลไม้ตามชอบ (สุตรนี้ใช้น้ำผลไม้แคลอรี่ต่ำ)
          ผลไม้ตามชอบ เช่น แอปเปิล, กีวี, สตรอว์บอร์รี และบลูเบอร์รี
          พิมพ์สำหรับทำไอศกรีม
          ไม้ไอศกรีม

วิธีทำ

สูตรทำไอศกรีม

           1. นำผลไม้มาหั่นเป็นชิ้น ๆ พอดีคำแล้วจัดผลไม้ใส่ลงในพิมพ์ไอศกรีมให้แน่น

          2. เทน้ำผลไม้ลงไป เสียบไม้ไอศกรีมแล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 4-6 ชั่วโมง แกะออกจากพิมพ์ พร้อมรับประทาน





สูตรทำไอศกรีม
ภาพจาก brit.co

8. พุชป๊อปซอร์เบท

          ถ้าที่บ้านมีผลไม้เปรี้ยว ๆ อยู่หลายอย่างแล้วอยากทำไอศกรีมหวานเย็นที่มีแต่เนื้อผลไม้เน้น ๆ เรามีวิธีทำพุชป๊อปซอร์เบทมาแนะนำ อีกหนึงไอศกรีมแคลอรี่ต่ำ ได้รสผลไม้แท้ ๆ เน้น ๆ วิตามินซีเพียบ ทั้งจากมะม่วงสุก กีวี แบล็คเบอร์รี และราสเบอร์รี ที่สำคัญยังสวยสลับสีสวยงามเก๋ไม่ซ้ำใครด้วย (สูตรจาก brit.co)

สูตรทำไอศกรีม

 สิ่งที่ต้องเตรียม

           มะม่วงสุกหั่นเต๋า 1 ถ้วย
          กีวีสไลซ์บาง 1 ถ้วย
          ราสป์เบอร์รี่แช่แข็ง 1 ถ้วย
          แบล็คเบอร์รีแช่แข็ง 1 ถ้วย
          น้ำเชื่อม 2 ถ้วย (แบ่งเป็น 4 ส่วน)
          พิมพ์พุชป๊อป (หรือถ้าไม่มีใช้พิมพ์อื่นแทนได้)

วิธีทำ

สูตรทำไอศกรีม

           1. ปั่นเนื้อมะม่วงสุกกับน้ำเชื่อม 1/2 ถ้วยเข้าด้วยกันจนส่วนผสมละเอียดเป็นเนื้อเดียว และทำเช่นเดียวกันกับผลไม้อีก 3 อย่าง เทใส่แก้วนำเข้าแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที (หลังจากที่ปั่นผลไม้เสร็จแล้วอย่าลืมตักเม็ดแบล็คเบอร์รี และราสเบอร์รีออกด้วย)

สูตรทำไอศกรีม

          2. ทำชั้นที่ 1 โดยวางพิมพ์พุชป๊อบในแก้ว ตักมะม่วงปั่นใส่ลงในพิมพ์ประมาณ 1/3 ของพิมพ์ แล้วนำไปแช่แข็งจนเกือบแข็ง หลังจากนั้นจึงค่อยนำออกมาเติมผลไม้ปั่นชั้นที่ 2 ต่อไป

          เคล็ดลับ : ถ้าไม่อยากให้มีฟองอากาศเกิดขึ้นระหว่างชั้นให้เริ่มต้นด้วยมะม่วง และกีวีปั่นใส่ลงไปก่อน เพราะมีเนื้อเหนียวทำให้เกิดฟองอากาศน้อย

สูตรทำไอศกรีม

          3. ทำชั้นที่ 2 ด้วยตักกีวีปั่นทับลงไปแล้วนำกลับไปแช่เย็นอีกครั้งจนแข็ง และทำซ้ำตามขั้นตอนเดิมจนกว่าจะเต็มพิมพ์

          4. หลังจากที่ใส่ผลไม้ปั่นชั้นสุดท้ายลงไปในพิมพ์แล้ว ก็ปิดฝาครอบ และนำกลับไปแช่เย็นอีกครั้งอย่างน้อยประมาณ 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืนก่อนรับประทาน





สูตรทำไอศกรีม

9. ไอศกรีมกล้วยบวชชี

          ใครจะไปเชื่อว่ากล้วยบวชชีจะมาทำเป็นไอศกรีมได้ด้วย ขอบอกเลยว่า อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ คราวหน้าคราวหลังถ้าซื้อกล้วยบวชชีมาแล้วกินไม่หมด แนะนำให้จับมาทำไอศกรีมแท่งชิ้นจิ๋วเก๋ ๆ แบบนี้ดู เปลี่ยนขนมไทยบ้าน ๆ ให้กลายเป็นขนมอินเตอร์ ๆ รับรองว่าไม่ซ้ำใครแน่นอน (สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน)

 ส่วนผสม

           กะทิ (เข้มข้นปานกลาง) 1 ถ้วย
          กล้วยน้ำว้า 100 กรัม (ต้มสุกหั่นเป็นชิ้น)
          น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
          เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
          เนื้อมะพร้าวเผา (หั่นเป็นชิ้น) 50 กรัม
          กล้วยน้ำสุกห่าม ต้มสุกหั่นแว่น (สำหรับใส่ในพิมพ์)
          พิมพ์ไอศกรีมตามชอบ
          ไม้เสียบไอศกรีม

วิธีทำ

           1. ใส่กะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ พอร้อน

          2. ใส่กล้วยน้ำว้าลงต้ม พอเดือดใส่น้ำตาลปี๊บและเกลือป่น ต้มต่อจนกล้วยน้ำว้านิ่ม

          3. ใส่เนื้อมะพร้าวเผา คนผสมพอเข้ากันดี ยกลงจากเตา

          4.ใส่กล้วยนน้ำว้าหั่นแว่น ลงในพิมพ์

          5. ตักส่วนผสมในข้อที่ 3 ลงในพิมพ์จนเต็ม จากนั้นเสียบไม้ไอศกรีมลงตรงกลาง นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็งประมาณ 1 คืน หรือจนแข็งตัว จัดเสิร์ฟ





สูตรทำไอศกรีม

10. ไอศกรีมโยเกิร์ต

          ปิดท้ายด้วยเมนูไอศกรีมแท่งจิ๋ว ๆ น่ารัก ๆ ที่ทำง่าย ๆ สีสันสดใส หอมละมุนแต่แอบแฝงไปด้วยความเปรี้ยวให้ได้เข็ดฟันกันเบา ๆ แถมยังเอาใจสาว ๆ ที่ควบคุมน้ำหนัก เพราะเป็นโยเกิร์ตทั้งแท่ง !  (สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน)

 สิ่งที่ต้องเตรียม

           โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ถ้วย (ไขมันต่ำ)
          โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รี 1/2 ถ้วย (ไขมันต่ำ)
          สตรอว์เบอร์รี 100 กรัม
          พิมพ์ไอศกรีม (หรือแก้วกระดาษ)
          ไม้ไอศกรีม

วิธีทำ
           1. หั่นครึ่งสตรอว์เบอร์รี วางลงในพิมพ์สำหรับทำไอศกรีม

          2. เทโยเกิร์ตรสธรรมชาติใส่ในพิมพ์ไอศกรีมประมาณ 3/4 พิมพ์ นำเข้าแช่ในช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาที

          3. นำส่วนผสมออกจากตู้เย็นแล้วใส่โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รีทับลงไปด้านบน นำเข้าช่องแช่แข็งต่อจนแข็งตัว นำออกจากพิมพ์ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ จัดเสิร์ฟ

          อยากจะคลายร้อนกันด้วยไอศกรีมแบบไหน จะเป็นลูกหรือเป็นแท่งก็เลือกกันได้ตามใจชอบเลยจ้า ไม่เห็นต้องมีเครื่องทำไอศกรีมสักนิดก็ได้ไอศกรีมเย็นฉ่ำชื่นใจไว้ดับร้อน ไม่ต้องง้อใครแล้ว



 

 
เครดิต จากเว็บไซต์ : http://cooking.kapook.com/view117368.html 
 

วิธีการใช้เครื่องทำโยเกิรต์

วิธีการใช้งาน
ดูตัวอย่างสิ้นค้าตกแต่งบ้าน

เครื่องทำ Smoothie

วิธีการใช้งาน ดูตัวอย่างสิ้นค้าบำรุงสุขภาพ

ติดต่อเราได้ที่ Lazada.co.th


 
Blogger Templates